USA:หุ้นเอ็นวิเดียดิ่งลง 6% หลังเปิดเผยผลประกอบการ
29 ส.ค.--รอยเตอร์
บริษัทเอ็นวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสออกมาในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาสหรัฐ และได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายไตรมาสออกมาด้วย แต่ตัวเลขคาดการณ์ของเอ็นวิเดียไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุน และส่งผลให้หุ้นเอ็นวิเดียดิ่งลง 6% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาดวันพุธ และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มผู้ผลิตชิปด้วยเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนมองว่าผลประกอบการของเอ็นวิเดียอยู่ในภาวะไร้ทิศทางชัดเจน ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปนั้น หุ้นบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) และหุ้นบริษัทบรอดคอมดิ่งลงเกือบ 4% ในช่วงการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการวันพุธ ส่วนในเอเชียนั้น หุ้นบริษัทเอสเค ไฮนิกซ์ของเกาหลีใต้รูดลง 5.24% ในวันนี้ และหุ้นบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้ดิ่งลง 3.4% ในวันนี้ ทางด้านหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 150% จากช่วงต้นปีนี้ และส่งผลให้มูลค่าในตลาดของเอ็นวิเดียเพิ่มขึ้น 1.82 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ รวมทั้งมีส่วนช่วยหนุนดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐให้ทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ด้วย
รายได้ของเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 122% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี หลังจากรายได้เคยพุ่งขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบรายปีมาติดต่อกัน 3 ไตรมาส โดยการที่เอ็นวิเดียมีรายได้สูงเกินคาดเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมากระตุ้นให้นักลงทุนปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ให้สูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงที่ผ่านมา และส่งผลให้เป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้นที่เอ็นวิเดียจะสามารถทำรายได้ให้สูงเกินคาด ทั้งนี้ เอ็นวิเดียรายงานในวันพุธว่า รายได้ในไตรมาสสองอยู่ที่ 3.004 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.870 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนผลกำไรต่อหุ้นหลังหักรายการต่าง ๆ อยู่ที่ 68 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสสอง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 64 เซนต์ต่อหุ้น นอกจากนี้ เอ็นวิเดียก็คาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 3.25 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสสาม ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.177 หมื่นล้านดอลลาร์
เอ็นวิเดียรายงานว่า อัตราผลกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 75.7% ในไตรมาสสอง ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 75.8% และเอ็นวิเดียคาดว่า อัตราผลกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 75% ในไตรมาสสาม ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 75.5% อย่างไรก็ดี อัตราผลกำไรขั้นต้นของเอ็นวิเดียยังคงอยู่สูงกว่าของบริษัทคู่แข่ง เนื่องจากเอ็นวิเดียตั้งราคาแพงสำหรับชิปของบริษัท ในขณะที่บริษัท AMD มีอัตราผลกำไรอยู่ที่ระดับเพียง 53% ในไตรมาสสอง ทั้งนี้ ยอดขายในแผนกศูนย์ข้อมูลของเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 154% เมื่อเทียบรายปี สู่ 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสสองของปีงบดุลบัญชี ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยยอดขายนี้ทะยานขึ้น 16% จากไตรมาสแรก นอกจากนี้ เอ็นวิเดียยังมีรายได้จากการขายชิปให้แก่บริษัทเกมและบริษัทรถยนต์ด้วย
นายไรอัน ดีทริค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า "ปัญหาก็คือว่า ผลประกอบการของเอ็นวิเดียในครั้งนี้อยู่สูงกว่าที่คาดในระดับที่น้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าเอ็นวิเดียปรับขึ้นคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต การปรับขึ้นนี้ก็อยู่ในระดับที่น้อยกว่าในไตรมาสก่อน ๆ" โดยความผิดหวังของนักลงทุนที่มีต่อการคาดการณ์รายได้และอัตราผลกำไรในครั้งนี้ บดบังแรงหนุนที่ราคาหุ้นเอ็นวิเดียได้รับจากการเปิดเผยแผนการซื้อคืนหุ้นขนาด 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ นายเจนเสน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดียกล่าวต่อนักวิเคราะห์ในที่ประชุมว่า อุปสงค์ในหน่วยประมวลผลกราฟิกของเอ็นวิเดียอยู่ในระดับสูง ในขณะที่หน่วยประมวลผลกราฟิกของเอ็นวิเดียถูกใช้ในเทคโนโลยี AI แบบรู้สร้าง ซึ่งรวมถึงใน ChatGPT ของบริษัทโอเพนเอไอ และเขายืนยันข่าวที่ว่า การเร่งผลิตชิป "แบล็คเวลล์" รุ่นใหม่ของเอ็นวิเดียถูกเลื่อนกำหนดออกไปจนถึงไตรมาสสี่ แต่เขากล่าวเสริมว่า ลูกค้าเข้าซื้อชิป "ฮ็อพเพอร์" รุ่นปัจจุบันในจำนวนมาก นอกจากนี้ เขายังระบุอีกด้วยว่า เอ็นวิเดียกำลังจัดส่งตัวอย่างของแบล็คเวลล์ไปให้แก่หุ้นส่วนและลูกค้า หลังจากมีการปรับแก้การออกแบบชิปดังกล่าว และเอ็นวิเดียคาดว่าจะมีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากชิปเหล่านี้ในไตรมาสสี่
ลูกค้ารายใหญ่ของเอ็นวิเดียคือบริษัทไมโครซอฟท์, แอลฟาเบท, อะเมซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์ โดยบริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะลงทุนด้านทุนในระดับสูงกว่า 2.00 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2024 และการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานใน AI ทางด้านราคาหุ้นบริษัทกลุ่มนี้ขยับลงไม่ถึง 1% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาดวันพุธ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;